·èÒ¹¾èÍÊÁªÒ·ÃÁҹʹյ¾ÃÒ¹»èÒ¼Ùé¡ÅѺã¨
นายแสวง แถลงถ้อย เป็นชาวบ้านเขาสุกิม บ้านของนายแสวง อยู่ด้านทิศเหนือของวัดติดกับขอบสระน้ำหลวงพ่อพุทธโคดม ปัจจุบันนายแสวงประกอบอาชีพทำสวนผลไม้
นายแสวงเล่าว่าเมื่อสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นหนุ่มใหญ่อยู่นั้น พื้นที่แถบนี้ทั้งหมดจากเนินสูง - ยางระหงมาถึงเขาสุกิม เนินดินแดง - เขาลูกช้าง เลยไปจนถึงขุนซ่อง – ช่องกระพัด - แก่งหางแมว แถบนี้เป็นป่าดงดิบผืนใหญ่ของจังหวัดจันทบุรี สมัยพ่อแม่ก็อยู่กันแบบบ้านป่าบ้านดง ไม่เหมือนสมัยนี้ สวนผลไม้ก็เพิ่งจะมีมาถากถางทำกันจริง ๆ จัง ๆ เมื่อไม่นานมานี้เอง สมัยนั้นนายแสวงจึงมีงานประจำและงานอดิเรกคือการล่าสัตว์ นายแสวงเคยล่าสัตว์ตั้งแต่สัตว์เล็กจนถึงสัตว์ใหญ่ เช่น เก้ง กวาง หมี หมูป่า เสือ ช้าง เฉพาะช้างนายแสวงเคยล่าจากเขาสุกิมไปจนถึงขุนซ่อง แก่งหางแมว ซึ่งต้องเดินตามรอยเลือดไปเป็นระยะทางถึง 70-80 กิโลเมตร เลยทีเดียว กว่าจะได้งาช้างกลับมาบ้านแต่ละคู่ก็ใช้เวลาติดตามช้างเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน ๆ สัตว์อื่น ๆ นอกจากช้าง เช่น เสือ หมี เก้ง กวางอยู่แถบบริเวณเขาสุกิมแห่งเดียวก็ยิงไม่ไหวแล้ว
เมื่อปีพ.ศ. 2507 บนเขาสุกิมได้มีพระธุดงค์คณะหนึ่งได้ขึ้นมาปฏิบัติธรรม คือคณะของท่านพ่อสมชาย นายแสวงก็เข้าทั้งวัด และ ขึ้นเขาล่าสัตว์ ได้พบปะกับท่านพ่อสมชายอยู่เป็นประจำแต่ไม่ได้ซาบซึ้งอะไรนัก ท่านพ่อสมชายก็มักหาโอกาสพูดคุยและขอร้องให้นายแสวงงดทำปาณาติบาต ขอร้องไม่ให้นายแสวงล่าสัตว์บนเขาสุกิม ซึ่งเป็นเขตที่ท่านพ่อได้ขอบิณฑบาตให้เป็นเขตอภัยทานและเพื่อให้พระภิกษุสามเณรได้ปฏิบัติธรรมโดยปราศจากข้อกังวลใดๆ แต่นายแสวงก็ไม่ได้รับปากแต่อย่างใด เป็นอันว่าเมื่อมีโอกาสหรือรู้ว่ามีสัตว์ใหญ่ลงมาหากินในละแวกนี้ นายแสวงเป็นต้องเตรียมอาวุธออกสะกดรอยตามทุกครั้งไป
วันหนึ่งนายแสวงออกล่าสัตว์ตามปกติก็ปรากฏว่าได้ยินเสียงร้องดังครืดๆ ๆ นายแสวงตามเสียงไปได้ ไม่ไกลก็พบรอยตีนหมีควายขนาดใหญ่เดินอยู่ทางด้านกุฏิแม่ชี นายแสวงสะกดรอยตามไปจนกระทั่งเห็นหมีควายขนาดใหญ่หน้าอกมีสีเหลืองอร่ามนอนกลิ้งเล่นไปมาอยู่บนก้อนหิน
โดยสัญชาติญาณของพรานไพร นายแสวงไม่รอช้ายกปืนเหนี่ยวไกลปล่อยกระสุนออกไปทันที ร่างของหมีควายกลิ้งตกไปจากก้อนหินดัง ตึบ แต่ไม่ตาย แต่กลับไปโผล่หน้ามองนายแสวงอีกด้านหนึ่งของมุมหิน นายแสวงบรรจุกระสุนยิงไปที่เป้าหมายอีกครั้งหนึ่ง เจ้าหมีควายตัวเดิมก็เดินมาโผล่หน้ามองนายแสวงอีกด้านหนึ่งอีก
เสียงปืนดังอยู่บนเขาไม่ต่ำกว่า ๒๐ นัด ดังจนเป็นที่แปลกใจของชาวบ้านที่อยู่ตีนเขา นายอ๋อย แก้วทรัพย์ บ้านอยู่หน้าวัดเช่นกัน อดทนที่จะได้ยินเสียงปืนต่อไปไม่ไหวเพราะเสียงปืนดังอยู่ระหว่างกุฏิแม่ชี ด้วยความเป็นห่วงพระที่อยู่บนวัดว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น และอยากจะรู้ว่าใครกันนะ ที่บังอาจไปยิงปืนบนวัดไม่เกรงใจพระเจ้าเสียงบ้างเลย นายอ๋อย แก้วทรัพย์ จึงเดินตามเสียงปืนขึ้นไปเรื่อย ๆ จึงพบเห็นนายแสวง กำลังบรรจุกระสุนเตรียมยิงอีกนัดสุดท้าย นายอ๋อย จึงเรียกตามภาษาคนคุ้นเคยกันว่า “…เฮ้ย แหวง แกยิงอะไรวะ จะหมดวันอยู่แล้ว…” “..ยิงหมีควาย หมีควายหน้าอกเหลืองตัวเบ้อเร้อแอบอยู่ข้างหินนั่น ไม่เห็นเร๊อะ มันไม่ยอมหนีไปไหนเสียด้วยซี วันนี้ยังไง ๆ ต้องเอาเจ้าหมีควายตัวนี้ให้ได้…” นายแสวงตอบพร้อมกับบรรจุกระสุนเข้าลำกล้องเตรียมยิงเป็นนัดสุดท้าย “แหวง หมีควายตัวเบ้อเร่ออย่างนี้ ฉันไม่เคยเห็นแกยิงเกิน ๕ นัดซักที นี่หมีตัวเดียวแกยิงมาตั้งแต่เช้าจนเที่ยงแล้ว ขิงจนกระสุนหมดย่ามแล้วไม่ถูกซักนัดเลย ฉันว่าหมีที่แกว่านี่มันจะไม่ใช่หมีจริงมากกว่า… “ นายอ๋อย กล่าว “…ไม่ใช่หมีจริงแล้วจะเป็นหมีเจ้าที่เจ้าป่าอย่างนั้นเร๊อะ..” “ไม่ใช่หมีเจ้าป่าเจ้าเขาอะไรหรอก แต่ฉันว่าจะเป็นหมีท่านพ่อมากกว่า ฉันว่าท่านพ่อทรมานแกแล้วแหวง เอ๋ย..” นายอ๋อย กล่าว
“ฉันก็แปลกใจตัวฉันเองเหมือนกันว่าวันนี้มือฉันจะตกขนาดนี้เชียวหรือ ทั้งที่นัดแรกก็กะว่าถูกกลางหัวจนกลิ้งตกลงไปข้างล่าง แต่ทำไมจึงไม่มีรอยเลือดแม้แต่หยดเดียว แถมยังไม่ยอมหนีไปไหน กับมาโผล่หน้าหลอกไห้ยิงจนอ่อนใจแล้ว ขอลองอีกทีนัดสุดท้ายถ้าไม่โดนก็จะขอเชื่อว่าเป็นหมีท่านพ่อ แน่ ๆ”
..กระสุนนัดสุดท้ายพุ่งออกจากปากกระบอกปืนเข้าสู่เป้าหมาย คือ เจ้าหมีควายหน้าอกด่างข้างก้อนหินที่โพล่หน้าออกมาให้ยิงอย่างท้าทาย และก็เหมือนเดิมคือไม่ถูกเป้าหมายใด ๆ ทั้งสิ้น นายแสวงมือสั่นหมดแรงที่จะประคองปืน พูดกับนายอ๋อยว่า “ …ฉันเชื่อแล้วว่าต้องเป็นท่านพ่อมาทรมานฉัน อย่างที่แกว่าจริง ๆ…” นายอ๋อย แก้วทรัพย์จึงบอกว่า “…พรุ่งนี้แกต้องไปขอขมาท่านพ่อซ๊ะ เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรม แล้วทีหลังก็อย่ามายิงในเขตนี้อีก…”
วันต่อมานายอ๋อย แก้วทรัพย์ ก็ได้พานายแสวง แถลงถ้อย ขึ้นวัดเดินตรงไปบนศาลา บนอาสนะสงฆ์มองเห็นท่านพ่อนุ่งห่มจีวรเรียบร้อยนั่งคอยท่า เหมือนอย่างกับรู้ว่านายพรานใหญ่ประจำเขตนี้จะขึ้นมาหา คำแรกที่ท่านพ่อเอ่ยทักทายว่า “..เป็นไง แหวง เมื่อวานยิงหมีทั้งวันสนุกดีน๊อ ไม่มีทางได้กินหรอกเสียลูกปืนเปล่า ๆ …อาตมาต้องขอบิณฑบาตด้วยอย่าหาว่าพระขัดลาภเลย บริเวณเขตนี้ขอเอาไว้เป็นเขตอภัยทานไม่ว่าสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ อย่าทำลายชีวิตกันเลย อย่าเบียดเบียนกันเลย เขาก็ชีวิต เราก็ชีวิต สัตว์นั้นเป็นเสมือนเพื่อนร่วมโลก เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อาตมาขอบิณฑบาตเถิด ถ้าโยมแหวงให้อาตมาได้ ต่อไปวันข้างหน้าโยมแหวงจะมีความสุข มีความเจริญ ลูกเต้าก็จะร่ำรวยมหาศาล..”
นายแสวงก้มลงกราบท่านพ่อพร้อมกับกล่าวคำขอขมาลาโทษ ให้ท่านพ่อยกโทษให้ และขอรับข้อที่ท่านพ่อขอบิณฑบาตทั้งหมดด้วยความเต็มใจ
ปัจจุบันนี้นายแสวง แถลงถ้อย หันมาประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ ลูก ๆ หลายคนเป็นพ่อค้าทุเรียน มีรายหนึ่งเป็นผู้ส่งออกนอกรายใหญ่ ตัวของนายแสวงเข้าวัด ช่วยงานวัดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ติดตามไปทอดผ้าป่า กฐินต่างจังหวัดกับท่านพ่อทุกครั้งไม่ได้ขาด รับใช้พระภิกษุสามเณรภายในวัดอย่างลูกศิษย์ที่ดีคนหนึ่ง…
***********************************
คณะศิษย์หน้าวัดเขาสุกิม
ผู้บันทึกเหตุการณ์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น