เปรตจัดระเบียบ
ไปนอนรวมกัน พอไปนอนรวมกันมันก็ไปจัดระเบียบ คือจัดระเบียบเปรตจัดระเบียบมันทำอย่างนี้ พอดึกๆหน่อยพระหลับมันก็ด้อมขึ้นไปเดินเลาะไปเลาะมา สามเณรตัวเตี้ยๆ เล็ก ๆ มันจับขาลากไปให้มันเสมอกับคนขายาวดึงจนหัวหล่นหมอน
โอ๊ย สั่นจนตัวแข็งกลัว มันเดินดูสม่ำเสมอดีแล้วจัดได้ดีแล้ว มันก็เดินขึ้นไปทางศีรษะอีกทีหนึ่ง ไปเดินเลาะดู อ้าวสามเณรหัวหล่นหมอนมันก็จับคอดึงขึ้นใส่หมอนเอาไปพิงไปเสมอกันเสมอกันเสร็จแล้วมันก็เวียนอยู่อย่างนั้นแหละดดึงทั้งคืนอย่างนี้เขาเรียกว่าเปรตจัดระเบียบ
จนกระทั่งพระอยู่ไม่ได้ หนีกัน วัดก็ร้าง อาจารย์....ไปเห็นว่า เอ นี่ ท่านสมชายทำอย่างนี้อย่างนี้นา เ ราเอาซะบ้างก็ประกาศ ญาติโยมก็รวมตัวกันทำบุญ ทำครั้งแรกไม่สำเร็จ มันยังมาตีฆ้องตีกลอง ตุ้มตั้ม ตุ้มตั้ม อยู่อย่างเดิม เอาครั้งที่สองอีกไม่สำเร็จมันยังตีกลอง ตุ้มตั้ม ตุ้มตั้มอยู่ โอ๊ย มันบกพร่องอะไรหนา มันบกพร่องอะไรมันถึงไม่สมบูรณ์
ทีนี้นิมนต์พระมาเป็นร้อยเลย ทีนี้เอาเป็นร้อยเลย ทำเป็นครั้งที่สาม ไม่สำเร็จ มันยังตีฆ้องตีกลอง ตุ้มตั้ม ตุ้มตั้ม อยู่อย่างเดิม ผลที่สุด อาตมาไปถึงพอดีก็เลยเล่าให้ฟัง พอเล่าให้ฟัง อาตมาก็เอาเถอะ เดี๋ยวจัดการให้ อาตมาดูพระแล้วไม่มั่นใจ บอก เดี๋ยวให้ผมหาเวลาให้ผมสักหน่อย ผมจะขอไปหาพระก่อน พอนึกได้พระดี ๆ มีอยู่จุดไหนบ้างเราก็ไปนิมนต์ เล่าความเป็นไปให้ฟัง ทุกองค์ก็ยินยอม ตกลงมากัน ก็เป็นอันว่าเราได้พระจริง ๆ มาซะ 4 องค์ สบายใจมาก
ก็บอกชาวบ้านว่าคอยดูละกันน้ะ อาตมาทำแล้วจะเรียบร้อยทันที จะไม่มีอะไรปรากฎเลย ก็เลยทำบุญอุทิศให้ อาตมาว่าง่าย ๆ อิทัง เม ทานัง ญาติกานัง เปตานัง ทักขิณัง โหตุ ผลทานของข้าพเจ้าที่กระทำในวันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ญาติของข้าพเจ้า คือ นายทา ที่ล่วงลับดับขันธุ์ไปแล้วนั้น เผื่อว่านายทาไม่ได้รับทราบข่าวสารนี้ ข้าพเจ้าขอมอบข่าวสารนี้ แก่เพทดาเจ้าทั้งหลาย มีรุกขเทวดา ภุมเทวดา อากาศเทวดาเป็นต้น จงนำข่าวสารนี้ไปแจ้งแก่นายทา จนกว่าจะได้รับทราบ เมื่อทราบแล้วขอจงอนุโมทนา เมื่ออนุโมทนาแล้วหากตกทุกข์ได้ยากก็ขอให้พ้นจากทุกข์ หากมีความสุขแล้วขอให้มีความสุข ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เทอญ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็เป็นว่าเงียบ เขาก็ไม่เชื่อว่าอาตมาเนี่ยอุทิศส่วนกุศลให้ เขาเข้าใจว่าอาตมานี่ มีวัวธนู แล้วก็ปล่อยวัวธนูชนเปรตตาย บอกไม่จริง อาตมาสาบถสาบาน ผลที่สุดวันนั้นเป็นวันสันนิบาตใหญ่ พระสงฆ์เยอะ ญาติโยมก็เยอะ ตื่นเต้นกันว่าตาทาเนี่ยหายไปได้จริง ๆ สามสี่ตำบลเค้ามาดูกัน พอมาดูกันเสร็จเรียบร้อย
วันนั้นเค้าก็มารวมตัวกันเพื่ออยากจะทราบข้อเท็จจริงว่า ขนาดท่านอาจารย์......เนี่ยใหญ่โตขนาดไหน ดังคู่กับหลวงปู่มั่น ทำแล้วไม่สำเร็จ แค่ท่านสมชายเนี่ย พรรษาก็แค่เนี้ยเอง พอทำทำไมสำเร็จ เป็นเพราะอะไร อยากจะฟังข้อเท็จจริง ก็มากันเป็นการใหญ่ อาตมาก็อธิบายให้ฟังว่า การทำบุญต้องถึงพร้อมด้วยองค์สี่ประการ
หนึ่งพระสงฆ์ต้องเป็นพระจริง ๆ ไม่ใช่ผ้าเหลืองห่มหัวตอ ไม่ใช่ผ้าเหลืองห่มชาวบ้าน จิตใจของท่านต้องเป็นพระ มีศีลมีธรรมมีความประพฤติชอบ มีบุญมีกุศล ที่จะอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปได้จริง อันนี้ข้อหนึ่ง
ข้อสอง อาหารการมาทำบุญนั้นต้องเป็นของบริสุทธิ์ ไม่ใช่ว่าไก่ตัวเป็น ๆ เอามาเคาะหัว เอามันมาฆ่าไม่ใช่อย่างนั้น ต้องเป็นของบริสุทธิ์
ข้อที่สามเราต้องกล่าววาจาอุทิศส่วนกุศลให้โดยตรง
ข้อที่สี่ต้องน้อมจิตลงนึกถึงภาพเลยว่า ท่านผู้ที่เราจะอุทิศส่วนกุศลนี้เป็นใคร ขอได้รับส่วนกุศลนี้ ถ้าพร้อมด้วยองค์สี่นี่รับรองได้รับร้อยเปอร์เซ็นต์
ถามว่าอาจารย์.....ทำบกพร่องข้อไหน จึงไม่สำเร็จ คือพระสงฆ์ทั้งหลายเหล่านั้น เท่าที่มองแล้ว ไม่ใช่พระสงฆ์ เป็นชาวบ้านธรรมดาโกนหัวโล้น ๆ ห่มผ้าเหลือง ๆ ไม่ได้ประพฤติวัตรอันเป็นสงฆ์ ไม่มีจิตใจอันเป็นสงฆ์ ไม่มีความประพฤติที่เป็นบุญเป็นกุศลที่จะอุทิศส่วนกุศลให้เค้าได้
เพราะฉะนั้นการทำบุญถึงแม้ว่า ร้อยหนึ่งก็ดีจะเอาแสนหนึ่งก็ได้ ก็ไม่มีส่วนได้รับ หากในเมื่อพระสงฆ์เหล่านั้นเป็นพระสงฆ์จริงแล้ว อาหารก็เป็นของบริสุทธิ์ กล่าวคำถวายทานถูกต้อง น้อมจิตลงไปจริง ๆ ไม่เอาน้ำภายนอกไปกรวด เอาน้ำใจล่ะดิ่งน้อมลง ถ้าเอาน้ำภายนอกมากรวดมันพะวงอยู่แค่น้ำ ยิ่งน้ำไปถูกสัมผัสกับมือแล้วยิ่งเสร็จเลย จิตใจไปเกาะอยู่แค่มือเท่านั้น ไม่ได้ถึงพี่ถึงน้อง
เราอย่าเอาน้ำมากรวด ต้องเอาน้ำใจอย่างอาตมาพาทำนั้น น้อมนึกถึงตาทา หน้าตาลักษณะเป็นยังไง ก็ขอให้มารับส่วนกุศลอันนี้ แค่นี้แหละตาทาก็ได้รับส่วนกุศล ไปเกิดดีสมสุขหายจากวัดนี้หายแล้ว ต่อจากนี้ไปวัดนี้ก็จะเป็นวัดหรือมีพระมีเจ้าต่อไป
เพราะฉะนั้นคำว่าวัดร้างจะไม่มีแล้ว จะต้องเป็นวัดดีและไม่ไม่ร้างอีกแล้ว มีพระมีเจ้าแล้ว ก็เป็นว่าปัจจุบันนี้ก็มีพระมีเจ้า นี่ก็เล่าสู่ฟังว่า การทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ล่วงลับนั้น เราต้องทำให้พร้อมถึงองค์ แล้วอย่าเอาน้ำภายนอกมากรวด
เอาน้ำภายนอกมากรวดมันก็มองแต่น้ำ สัมผัสของน้ำมันถูกมือมันก็ไปรู้สึกอยู่แค่มือของตัวเอง ไม่ได้น้อมลง จิตไม่เป็นสมาธิ ไม่ได้น้อมลง ถ้าเราน้อมลงว่าพ่อแม่ของเรา หรือท่านผู้มีพระคุณมีลักษณะหน้าตาเป็นยังไง เราต้องน้อมลงจริง ๆ แล้วก็มีส่วนได้รับ แต่ต้องนึกเป็นภาพให้ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ เราไม่ต้องกรวดน้ำนอก เอาน้ำใจเลย จะมีส่วนได้รับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น